ชื่อ เป็กเทียนโคย            หรือ ตกกั๊ก         นาม หลานเหล็งไท้จือ      สัตว์คู่กาย หงอ    คือ เต่าทะเล

ชื่อ หลี่เป๊กหยอง             หรือ อิมหับ         นาม หยกท้อกิมเซียน      สัตว์คู่กาย ส่อง     คือ ช้าง

ชื่อ ส่องกวนฮุยสอง         หรือ แป๊ะบ็อก     นาม ตกเหงไท้จือ             สัตว์คู่กาย เอ็ง     คือ เหยี่ยว

เรียบเรียงโดย บุนเต้หลาง เมื่อ 7 เมษายน ปีพุทธศักราช 2550

(ในภาพ ป้ายนาม ศาลเจ้าฮ้องซานสี้ ระบุนาม  พระก่องเต็กจุนอ๋อง)

ศาลเจ้าฮงสั้นซี้

บ้านท่าจีน

(ในภาพ ศาลเจ้าฮงสั้นซี้เกือบ 20 ปีก่อน บันไดด้านหน้ายังมีสองระดับ)

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าสำหรับบูชาพระโก๊ยเซ่งอ๋อง

หรือชาวตรังนิยมเรียกว่า พระเซ่งอ๋อง เป็นการเฉพาะ

เป็นศาลที่ชาวจีนฮกเกี้ยนอพยพนำกิมซิ้นมาทางเรือ ขึ้นฝั่งริมน้ำท่าจีน

(ในภาพ ศาลเจ้าฮงสั้นซี้ เกือบ 10 ปีก่อน แนวด้านข้างยังมีแมกไม้เขียวครึ้ม)

กล่าวว่า ศาลพระโก๊ยเซ่งอ๋อง ศาลแรกในเมืองตรัง

สร้างขึ้นประมาณร้อยกว่าปีก่อน จากจารึกป้ายนามพระที่นำมาจากศาลเก่า

ระบุว่าป้ายสร้างขึ้นในศักราชสมัยพระเจ้ากวางสู ปี 15 เดือนแรก

ตรงกับปีพุทธศักราช 2432 หรือ 118 ปีล่วงแล้ว

 (ในภาพ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหลังที่ถูกย้ายมาสร้างขึ้นใหม่กว่า 50 ปีก่อน)

ตำแหน่งที่ตั้งศาลแรกอยู่ริมฝั่งแม่น้ำด้านทิศตะวันออก หรือฝั่งตรงข้ามกับศาลปัจจุบัน

ตรงบริเวณคลองนางน้อยบรรจบแม่น้ำตรัง โดยศาลหันหน้าลงน้ำไปยังทิศเหนือ

(ในภาพ ด้านหน้าศาลเจ้ายกพื้นสูงให้พ้นระดับน้ำท่วมถึง)

ตัวอาคารศาลแรกเป็นเรือนไม้เก่าแก่ ยกระดับพื้นสูง

อาคารศาลกว้างขวางและใหญ่กว่าศาลใหม่ที่เห็นในปัจจุบันมาก

(ในภาพ สภาพด้านหน้าศาลเจ้าในปัจจุบัน)

แต่เนื่องจากตรงตำแหน่งดังกล่าว สภาพแม่น้ำเป็นทางโค้ง

เมื่อถึงคราวน้ำหลากมักโดนกระแสน้ำเชี่ยวกัดเซาะริมตลิ่งอยู่เนืองๆ

(ในภาพ ป้ายนาม ศาลฮงสั้นซี้)

จวบจนประมาณ 50 ปีก่อน จึงย้ายศาลมาจัดสร้างใหม่บนฝั่งแม่น้ำตรงข้าม

ซึ่งชาวบ้าน 2-3 รายบริจาคที่ดินเพื่อให้ก่อสร้าง 

ครั้งนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับทรงชี้จุดก่อสร้าง

(ในภาพ ป้ายนาม ศาลฮงสั้นซี้ และ เทียนเต็ง)

บริเวณดังกล่าวแต่เดิมเป็นพื้นที่รกร้าง มีหนองพรุอยู่ริมฝั่ง

สมัยก่อนบริเวณหน้าศาลเจ้ายังมีพื้นที่ริมฝั่ง ยื่นออกไปมากกว่าสภาพปัจจุบันมาก

(ในภาพ ป้ายนาม ศาลฮงสั้นซี้ จารึกว่าเข้าศาลหลังนี้ในปีพุทธศักราช 2499)

กล่าวว่าสามารถปลูกผักและมีต้นไม้ใหญ่ได้

ชาวบ้านมักเรียกบริเวณนั้นว่าอู่เรือ หรือเรียกคำท้องถิ่นว่า โอเรือ

(ในภาพ ป้ายคำกลอน เจ๊งโต่ชองเบ๋ง มุ่งสู่มรรคธรรมเต๋า ให้รู้แจ้งกระจ่างใจ)

ระยะแรกสร้างเป็นเพิงตับจากกั้นเป็นสี่มุมและวางหิ้งพระ

จนเมื่อสร้างศาลก่อปูนถาวรแล้ว จึงย้ายพระขึ้นไปวางบนศาล

จากจารึกป้ายนามศาล ระบุเข้าศาลในปีพุทธศักราช 2499 หรือ 51 ปีล่วงแล้ว

(ในภาพ ป้ายนามพระ ก่องเต็กจุนอ๋อง ระบุสร้างป้ายในปีพุทธศักราช 2432)

โดยสร้างอาคารยกระดับ พื้นมีใต้ถุน

สร้างแท่นบูชาพระอยู่สูงว่าระดับพื้นดินถึง 3-4 เมตร

บันไดด้านหน้าทอดยาว 2 ระดับ ยื่นลงไปยังริมน้ำ

(ในภาพ แท่นบูชาพระประจำศาล)

ต่อมาราว 20 ปีที่ผ่านมา กระแสแม่น้ำเชี่ยวได้กัดเซาะริมฝั่ง

กัดเซาะรุกล้ำเข้ามามาก จนมาถึงบันไดทางขึ้นศาลเจ้า

(ในภาพ พระโก๊ยเซ่งอ๋องประจำศาลเจ้า กิมซิ้นดั้งเดิมนานกว่าร้อยปีล่วงแล้ว)

จนเมื่อทางราชการจัดสร้างเขื่อนริมฝั่งป้องกันตลิ่ง

จึงก่อสร้างบันไดศาลเจ้าใหม่ ดังปรากฏในปัจจุบัน

เพื่อป้องกันตัวอาคารศาลเจ้าไม่ให้โดนลากจูงไปกับกระแสน้ำ

(ในภาพ ตำแหน่งศาลเจ้าเดิมฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ)

ส่วนฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นศาลเก่านั้น ถูกปล่อยทิ้งร้าง เหลือแต่เสาไม้ต้นใหญ่

จนเมื่อทางราชการก่อสร้างเขื่อนป้องกันแนวริมตลิ่ง

จึงอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงประทับทรง เพื่อขอถอนเสาเรือนของศาลเก่าแก่

 (ในภาพ บริเวณที่ตั้งศาลเจ้าอาคารเดิมมีอายุนานกว่าร้อยปี)

ปัจจุบันยังมีหลักฐานปรากฏเป็นกองไม้เสาอาคารศาลหลังเก่า

ลำต้นเสาขนาดใหญ่แข็งแรงจำนวนแปดต้น

อยู่ในพื้นที่ครอบครองของ ลุงเสริม ป้าหวั่น ชาวบ้านซึ่งถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในปัจจุบัน

(ในภาพ เสาอาคารศาลเดิมถูกทำพิธีรื้อถอนแล้วนำมากองไว้)

กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้พระโก๊ยเซ่งอ๋องลงประทับทรง

ร่างทรงซึ่งถูกลงประทับทรงเป็นลูกหลานของลุงเสริมเอง

(ในภาพ กิมซิ้นพระโก๊ยเซ่งอ๋องในเมืองตรัง)

จากการลงประทับทรงคราวนั้น พระโก๊ยเซ่งอ๋องบอกความประสงค์

ขอให้ลูกหลานจัดสร้างศาลเจ้าให้ท่านอีกศาลหนึ่ง ณ ตำแหน่งเดิม

(ในภาพ กิมซิ้นพระโก๊ยเซ่งอ๋องในเมืองตรัง)

นอกจากศาลพระโก๊ยเซ่งอ๋อง ศาลเก่าดังปรากฏในปัจจุบัน

และศาลใหม่ที่มีกลุ่มคณะจัดตั้งที่บ้านน้ำผุดใต้ ตำบลบางรักแล้ว

(ในภาพ กิมซิ้นพระโก๊ยเซ่งอ๋องในเมืองตรัง)

ในอนาคตชาวตรังอาจเห็นศาลเจ้าฮงสั้นซี้ศาลใหม่

ซึ่งตั้งอยู่บนตำแหน่งรอยศาลเดิม

สถานที่ที่พระโก๊ยเซ่งอ๋องเคยสถิตย์แต่ดั้งเดิม

ในภาพ พระโก๊ยเซ่งอ๋องของศาลน้ำผุดใต้

ประทับบนเก่วเตรียมชุดหยิวออกโปรดสาธุชน