ความลี้ลับ "ร่างทรงหรือม้าทรง" แห่งศรัทธา พวกเขาซึ่งเรียกตัวเองว่า ม้าทรง หรือร่างประทับขององค์ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและศรัทธาต่อองค์ศักดิ์สิทธิ์ เลือดที่ซึมออกมาเสมือนเป็นการไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์... ม้าทรงในความเชื่อแห่งลัทธิเต๋าเกี่ยวข้องกับประเพณีถือศีลกินเจของจังหวัดตรังโดยตรง มีการบอกเล่าสืบทอดกันมานาน ว่าผู้ที่จะเป็นม้าทรงนั้น องค์ศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้าจะเลือกบุคคลที่สิ้นอายุขัย แต่ยังมีคุณงามความดี ต้องการให้สืบชะตาต่ออายุให้ยืนยาวออกไป จึงมาประทับร่างของบุคคลดังกล่าว
นายสามารถ มีเภตรา ( แป้ว ) บอกว่า เทพที่เข้าทรง คือ พระโพธิสัตว์กวนอิม ทรงชุดขาว ปางประทับยืนบนฐานรูปมังกรประทานพร พระพักตร์เอิบอิ่มมือขวาถือหม้อน้ำมนต์ มือซ้ายประทานพร เจ้าแม่กวนอิมพระโพธิสัตว์แห่งโลก ผู้มาโปรดสาธุชนและสรรพสัตว์ให้พ้นจากความลำบาก ทุกข์เข็ญทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้ใดหมั่นสวดมนต์บูชาพระโพธิสัตว์กวนอิม ชีวิตจะเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง อยู่เย็นเป็นสุข เป็นศิริมงคลแห่งชีวิต อธิษฐานจิตเรื่องใด มักจะได้รับความช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ นายเกษม เรืองกุล ( ปาล์ม ) บอกว่า เทพที่เข้าทรง คือ อั่งฮู้อ๋องเอี๋ย ตอนไปเที่ยวศาลเจ้าแปดเซียน(หลังวัดขุนสิทธิ์)ซึ่งในศาลเจ้ามีพิธีลุยไฟผมก็ลุยไฟไป 1 รอบก็มีอาการมึนหัวตัวสั่นแน่นหน้าอกแล้วก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่องค์เทพออกจากร่างแล้ว เมื่อกลับมาบ้านได้เริ่มประทับทรงรับใช้องค์เทพ จะช่วยเหลือคนในด้านหน้าที่การงานให้สำเร็จ ตอนที่พระเข้าทรงผมจะไม่รู้สึกตัวและมีพี่เลี้ยงคอยดูแล เมื่อมาเป็นม้าทรงชีวิตก็ดีขึ้นคิดทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จ
นายอดิศร นารีผล ( บอย ) บอกว่า เทพที่เข้าทรง คือ พระทิฮู่หงวนโส่ย ยืน ไม่สวมรองเท้า ใบหน้าสีดำ ดวงตาโต หนวดเคราผมยาวมาก เท้าหนึ่งข้างเหยียบล้อไฟ มือขวากุมขวานเป็นอาวุธ มือซ้ายถือหม้อยายกขึ้นระดับหน้าอกมีงูพันคอเป็นสัตว์ประจำกาย เทพองค์นี้เป็นหมอยาจะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ครั้งแรกที่เข้าทรงไปช่วยงานศาลเจ้าจากนั้นองค์เทพก็ประทับทรง และเป็นม้าทรงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตดีก็ขึ้นตามลำดับ และได้รับความช่วยเหลือจากองค์เทพโดยมากร่างทรงหรือม้าทรงจะมีกินมีใช้ไม่ได้ร่ำรวยมาก นายเด่นไชย ชูศรี ( เด่น ) บอกว่า องค์เทพประทับร่างทรงชื่อ หลีฮู้ล้อเฉี้ย การที่พระจีนมาประทับทรงนั้นเกิดจากในช่วงที่ตนอายุ 17 ปี เกิดอุบัติเหตุ และนอนที่บ้านหน้าหิ้งพระจีน จากนั้นองค์เทพลงประทับร่าง ญาติต้องรีบพาไปที่ศาลเจ้า มีล่ามพูดคุยสื่อสารกันด้วยภาษาจีน เมื่อพระจีนออกจากร่าง ญาติจึงบอกว่าองค์เทพ มาต่ออายุขัยของชีวิตให้ยืนยาวต่อไป แต่ต้องถือศีลกินเจ และร่วมในพิธีกรรมงานประเพณีถือศีลกินผักเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
นายดำรงศักดิ์ อภิสิทธิ์บัณฑิต ( สำหรับผมตั้งใจถวายร่างมอบให้องค์ศักดิ์สิทธิ์ใช้อย่างเต็มที่ ) ร่างทรงองค์มหาเทพก่องเต็กจุนอ๋อง ( โก๊ยเซ่งอ๋อง ) ให้ความรู้ว่า อาวุธของม้าทรงในอดีตจะใช้เข็มเล็กๆ แทงตามร่างกาย ขณะที่ในปัจจุบันจะเห็นว่ามีการใช้เหล็กแหลมยาวมาแทงปาก ลิ้น แก้ม แขน เนื่องจากมีคนมาถวาย ม้าทรงต้องปฏิบัติ ต้องยอมรับอาวุธต่างๆ ที่มีการนำมาถวายแก้บนจากชาวบ้านที่บนบานไว้ ซึ่งม้าทรงต้องถือศีลกินผัก มีสัจจะ เป็นคนดี มีศีลธรรม ถือว่าบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ เมื่อองค์เทพประทับทรง ใช้อาวุธของมีคมต่างๆ ตามร่างกายจะไม่เกิดการเจ็บปวด แต่ถ้าม้าทรงไม่บริสุทธิ์ ไม่อยู่ในศีล กินเจไม่ครบตามกำหนด เมื่อองค์เทพมาเข้าทรงจะใช้อาวุธทำร้ายตามร่างกาย เลือดจะไหลออกมาก และองค์เทพจะเข้าทรงในเวลาสั้นแล้วออกจากร่างของม้าทรงในเวลาอันรวดเร็ว โดยส่วนตัวรู้สึกผูกพันกับองค์เทพที่เข้าทรงมาก และเมื่อถึงงานประเพณีถือศีลกินผักจะเหมือนเป็นการรวมของม้าทรงทำให้เกิดความรัก สามัคคีในหมู่ ม้าทรงด้วยกันมากขึ้น สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน ดังนั้น ก่อนการร่วมพิธีกรรมต่างๆในเทศกาลถือศีลกินเจ ม้าทรงจะต้องเตรียมกายและใจให้พร้อมด้วยการถือศีลกินเจล่วงหน้า ทำกายใจให้บริสุทธิ์ รักษาศีล เมื่อร่างกายและใจเตรียมพร้อมแล้วก็เข้าพิธีกรรมในศาลเจ้า องค์เทพจะเข้าประทับทรง อาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงกลองที่ประกอบพิธีกรรมตีดังขึ้นเรื่อยๆ ใจจะสั่น และ ตามมาด้วยมองไม่เห็นอะไรเลย มืดไปหมด และไม่รู้สึกตัว แม้จะมีการใช้อาวุธเหล็กแหลมทิ่มแทงตามร่างกาย ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด ซึ่งจะมีฮวดกั้วช่วยเหลืออำนวยความสะดวกจนเสร็จสิ้นพิธีกรรมโดย ศาลเจ้าส่ามอ๋องฮู้เต้าโบ้เกง จ.ตรัง กำชับให้ม้าทรงทุกคนประพฤติตัวดี ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ไม่ติดยาเสพติด รู้จักกตัญญูต่อบิดามารดา ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ เพราะเราเป็นร่างทรงมีหน้าที่เป็นตัวแทนขององค์ศักดิ์สิทธิ์ การเป็นร่างทรงต้อง ปฏิบัติตน ถือศีลกินเจ ทำบุญตักบาตรไหว้พระสวดมนต์ เป็นการส่งเสริมให้ทุกคนทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น มีน้ำใจไมตรี ไม่เห็นแก่ตัว.